วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

เทคนิคการจำ...เเบบง่ายๆ

เทคนิคการจำ..ฝึกได้ง่าย ๆ

รู้ไหมว่า...วัน ๆ หนึ่ง เราต้องใช้สมองจดจำอะไรบ้าง...

จำศัพท์ภาษาอังกฤษ จำ tense ตารางธาตุ ประวัติศาสตร์ อักษรสูง กลาง ต่ำ ชื่อเพื่อน หน้าเพื่อน จำเนื้อเพลง วันเกิดพ่อแม่พี่น้อง เบอร์โทรศัพท์ และจำ จำ จำ อีกหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะจำอะไรที่เป็นวิชาการ มันช่างจำได้ยากเย็นเต็มที ถึงแม้จะมีคำกล่าวว่า "การเรียนด้วยความเข้าใจนั้นดีที่สุด" แต่จะมีใครกล้าปฏิเสธมั๊ยล่ะว่าเราเรียนได้โดยไม่ต้องใช้การท่องจำ...

เทคนิคแรก  โยงสิ่งที่ต้องจำไปหาสิ่งที่จำง่ายและติดตากว่า
เช่น ภาษาอังกฤษคำว่า "sue" แปลว่าฟ้องร้อง การออกเสียงคำว่า "sue" คล้ายกับคำว่า "สู้" ของไทย แต่การสู้ในที่นี้ เราต้องสู้กันในศาล เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าฟ้องร้องนั่นเอง (สำหรับการท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าควรจะท่องกลุ่มคำที่มีความหมายเหมือนกัน จะได้จำไปคราวเดียว ไม่ต้องท่องหลายรอบ เช่น purpose-goal-aim-intention-objective)

เทคนิคที่สอง  ใส่ทำนองร้องเป็นเพลง
ถ้าอยากจะจำอะไรสักอย่างหนึ่งยาว ๆ ลองใส่ทำนองเข้าไปแล้วลองร้องออกมา นอกจากจะสนุกสนานล้ว อาจจะจำได้ดีขึ้นด้วย แต่จะไพเราะเสนาะหูขนาดไหน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัว

เทคนิคที่สาม  วิธีจำโดยสังเกตตัวอักษรที่เหมือนกัน
ใช้ได้ผลดีกับวิชาภาษาไทย เช่น คำนวน ต้องเขียนว่า คำนวณ ใช้ "ณ" เหมือนคำว่า คณิตศาสตร์ หรือ เข้าฌาน สะกดด้วย "น" เพราะเป็นการนั่งแบบ "นิ่ง ๆ"

เทคนิคที่สี่  ประโยคเด็ดช่วยจำ
แต่งประโยคหรือเรียบเรียงเรื่องที่ต้องจำเป็นข้อความสั้น ๆ และถ้าสามารถ อาจแต่งให้คล้องจองกัน จะช่วยให้จำได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น ประโยคยอดฮิตที่ว่า "ไก่ จิก เด็ก ตาย บน ปาก โอ่ง" ทำให้พวกเราจำอักษรกลางได้อย่างง่ายดาย

เทคนิคที่ห้า  จำเป็นรูปภาพ
สมองคนเราจำรูปได้ดีกว่าข้อความ ดังนั้นพวกสูตรคณิตศาสตร์ต่าง ๆ ลองเขียนเป็นตัวใหญ่ ๆ ทำให้โดดเด่นมีสีสัน แปะไว้ข้างฝาบ้าน มองทุกวัน หลาย ๆวัน เราจะจำภาพหรือสูตรนั้นได้โดยอัตโนมัติ ที่สำคัญอย่าลืมมองเจ้าสิ่งที่แปะบ่อย ๆ ด้วย

เทคนิคการจำก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวเหมือนกัน ต้องมีการฝึกฝนและพลิกแพลงให้เข้ากับสถานการณ์ การจำเรื่องยาก ๆ อาจต้องใช้หลายเทคนิคหรือเทคนิคขั้นสูงต่อไป


ความคิดสร้างสรรค์




ความหมายของความคิดสร้างสรรค์

                ทอร์แรนซ์ กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง กระบวนการที่บุคคลไวต่อปัญหา ข้อบกพร่อง ช่องว่างในด้านความรู้ สิ่งที่ขาดหายไป หรือสิ่งที่ไม่ประสานกันและไวต่อการแยกแยะ สิ่งต่างๆ ไวต่อการค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหา ไวต่อการเดาหรือการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับข้อบกพร่อง ทดสอบและทดสอบอีกครั้งเกี่ยวกับสมมติฐาน จนในที่สุดสามารถนำเอาผลที่ได้ไปแสดงให้ปรากฎแก่ผู้อื่นได้
            กิลฟอร์ด กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นความสามารถทางสมองในการคิดหลายทิศทาง ซึ่งมีองค์ประกอบความสามารถในการริเริ่ม ความคล่องในการคิด ความยืดหยุ่นในการคิด และความสามารถในการแต่งเติมและให้คำอธิบายใหม่ที่เป็นการติดตามหลักเหตุผลเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียง แต่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของความคิดสร้างสรรค์คือความคิดริเริ่ม นอกจากนี้ กิลฟอร์ดเชื่อว่า ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่พรสวรรค์ที่บุคคลมี แต่เป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัวบุคคลซึ่งมีมากน้อยไม่เท่ากัน และบุคคลแสดงออกมาในระดับต่างกัน
            นอกจากนี้ กิลฟอร์ด (Guilford, 1959 : 145 – 151, อ้างจาก กรรณิการ์  สุขุม , 2533 ได้ศึกษาลักษณะพื้นฐานของผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งมาทั้งหมด 5 ประการ ดังนี้
            1. ความรู้สึกไวต่อปัญหา หมายถึง บุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์จะมีความสามารถในการจดจำปัญหาต่างๆ รวมทั้งความสามารถในการเข้าถึงหรือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เข้าใจผิด สิ่งที่ขาดข้อเท็จจริง สิ่งที่เป็นมโนทัศน์ที่ผิดหรืออุปสรรคต่างๆ ที่ยังมืดมนอยู่ ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า ความรู้สึกไวต่อปัญหาของบุคคลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะบุคคลจะไม่สามารถแก้ปัญหาจนกว่าเขาจะได้รู้ว่าปัญหานั้นคืออะไร หรืออย่างน้อยเขาจะต้องรู้ว่าเขากำลังประสบปัญหาอยู่
            2. ความคล่องในการคิด หมายถึง บุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์จะมีความสามารถในการผลิตแนวความคิดจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว แล้วเลือกแนวความคิดที่ดีที่สุดมาใช้แก้ปัญหา สิ่งที่แสดงลักษณะพิเศษของความคล่องในการคิด นอกจากการผลิตแนวความคิดที่มากมายและรวดเร็วแล้ว แนวความคิดที่ผลิตขึ้นมาใหม่นั้นควรจะเป็นแนวความคิดที่แปลงใหม่ และดีกว่าแนวความคิดที่อยู่ในปัจจุบัน นอกจากนั้น บุคคลที่ได้ชื่อว่ามีความคล่องในการคิด จะต้องมีความสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางในการคิดได้เป็นอย่างดี
            3. ความคิดริเริ่ม หมายถึง บุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์จะมีความสามารถในการค้นหาแนวทางใหม่ๆ หรือวิธีการแปลงๆ แตกต่างกันออกไปมาใช้ในการแก้ปัญหา ความคิดริเริ่มเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในวงการธุรกิจ ผู้บริหารจำเป็นที่จะต้องแสวงหาแนวทางใหม่ๆ มาแก้ปัญหาที่เปลี่ยนแปรไป นอกจากจะต้องแสวงหาแนวทางใหม่ๆ แล้ว ยังจำเป็นจะต้องปรับปรุงแนวทางใหม่ๆ เหล่านี้มาช่วยแก้ไขปัญหาที่คิดขึ้นในสภาพการณ์ใหม่ๆ ดังนั้น นักบริหารจำเป็นจะต้องสร้าง ความคิดริเริ่ม” ให้เกิดขึ้น ที่กล่าวว่าความคิดริเริ่มเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักบริหารในวงการธุรกิจ ก็เนื่องมาจากว่าการประกอบธุรกิจนั้นมีการแข่งขั้นกันมาก โดยเฉพาะในด้านการผลิตสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด ให้มีความแปลงกใหม่ คุณภาพดี และราคาถูก ซึ่งความคิดริเริ่มจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้มาก
            4. ความยืดหยุ่นในการคิด หมายถึง บุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์จะมีความสามารถในการหาวิธีการหลายๆ วิธีมาแก้ไขปัญหา แทนที่จะใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งเพียงวิธีเดียว บุคคลที่มีความยืดหยุ่นในการคิดจะจดจำวิธีแก้ปัญหาที่เคยใช้ไม่ได้ผลทั้งนี้ เพื่อที่จะไม่นำมาใช้ซ้ำอีก แล้วพยายามเลือกหาวิธีการใหม่ที่คิดว่าแก้ปัญหาได้มาแทน ซึ่งความยืดหยุ่นในการคิดจะมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความคล่องในการคิดนั่นคือ ความยืดหยุ่นในการคิดและความคล่องในการคิดจะเป็นความสามารถของบุคคลในการหาวิธีการคิดหลายๆ วิธีเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา เป็นความจริงที่ว่า บุคคลสร้างแนวความคิดหรือวิธีการแก้ไขปัญหาได้ 20 – 30 วิธี เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาซึ่งจะได้ผลดีกว่าบุคคลที่หาวิธีการแก้ไขปัญหาเพียง 2 – 3 วิธีและใช้ไม่ได้ผล ดังนั้น ถ้าบุคคลจะพัฒนาหรือปรับปรุงความยืดหยุ่นในการคิด ก็จะกระทำได้โดยการพยายามหาวิธีการแก้ปัญหาหลายๆ วิธีและวิเคราะห์ปัญหาในหลายมุมมอง ซึ่งจะช่วยให้เขาพัฒนาความยืดหยุ่นทางการคิดได้เป็นอย่างดี
            5. แรงจูงใจ หมายถึง บุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมักมีแรงจูงใจสูง เพราะแรงจูงใจเป็นลักษณะสำคัญของบุคคลในการที่จะแสงตนว่าเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ แรงจูงใจนี้สามารถทำให้บุคคลกล่าวแสดงความพิเศษที่ไม่เหมือนใครออกมาอย่างเต็มที่ หรืออาจจะมากกว่าคนอื่นๆ บุคคลที่มีแรงจูงใจสูงนี้ จะให้ความสนใจในการหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยความกระตือรือล้นและสิ่งที่ผลักดันให้เกิดความกระตือรือล้น ก็คือ แรงจูงใจ เนื่องจากแรงจูงใจเป็นสิ่งที่สำคัญของการตระเตรียมปัญหา เราพบว่าความสำเร็จในชีวิตส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับแรงจูงใจ เทยเลอร์และฮอล์แลนด์ ชี้ให้เห็นว่าคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มักจะมีแรงจูงใจสูงในการที่จะทำให้ผลผลิตดีขึ้นด้วย

เมือง เวนิช เมืองน่าเที่ยว




 เมืองเวนิส หรือที่ชาวอิตาลีเรียกว่า เวเน็ตเซีย ( Venezia)เป็นเมืองหลวงของแคว้น เวเนโต(Veneto)มีประชากร 271,663 คน (ข้อมูลวันที่ 1 มกราคม 2004 )เมืองเวนิสสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กเกาะน้อย จำนวน 118 เกาะเข้าด้วยกันในบริเวณ ทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ทะเลอาเดรียติกทางภาคเหนือของ ประเทศอิตาลี ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปาก แม่น้ำโปกับ แม่น้ำพลาวิ มีผู้อยู่อาศัยนับรวมทั้งหมดประมาณ 272,000 คน แยกเป็นบริเวณเมืองเก่าที่เป็นเกาะ 62,000 คน, บนแผ่นดินใหญ่ที่เรียกว่า แตร์ราแฟร์มา (Terraferma) 176,000 คน และอีก 31,000 คนตามเกาะต่างๆ ในทะเลสาบ
     ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวของอิตาลี เมืองเวนิส ดูจะเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากทุกเมืองในโลก เป็นเมืองที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบที่สวยงามจนได้ฉายาว่าเป็น ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก” ( The Queen of the Adriatic) หรือ เมืองแห่งสายน้ำ” (The City of Water) ที่มีคลองสำหรับใช้สัญจรแทนถนนมากกว่า 150 สาย หรือ เมืองแห่งสะพาน” ( The City of Bridges)ที่ มีสะพานเชื่อมคลองมากกว่า 400 แห่งที่โดดเด่นเป็นที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรมและดนตรียามค่ำคืน (The City of Light)ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักและใฝ่ฝันอยากมาเทียวชมสักครั้งในชีวิตเมืองเวนิสเป็นที่รู้จักกันมาช้านานในประวัติศาสตร์ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการเดินเรือและการค้าของทวีปยุโรปนับพันปี นอกนั้นในแวดวงวรรณกรรม เมืองเวนิสเป็นที่รู้จักจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เชคสเปียร์( William Shakespeare)เรื่อง พ่อค้าแห่งเวนิส” ( The Merchant of Venice)ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำมาประพันธ์เป็นบทละครชื่อเวนิสวานิชแต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือบทประพันธ์เรื่องโรเมโอและจูเรียต”( Romeo and Juliet)ที่เชื่อกันว่าเวนิส คือบ้านเกิดของของทั้งคู่ผู้สร้างตำนานรักอมตะที่ต้องจบชีวิตลงเพราะความแค้นของบรรพบุรุษสองตระกูลเมืองเวนิสยังเป็นเมืองที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกซึ่งได้แก่ ตัวเมืองและคลองต่างๆ ความงดงามของเวนิสทำให้ถูกใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง ส่วนคนไทยดูเหมือนจะรู้จักและเกี่ยวข้องกับเวนิสจากการที่กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรของเราได้รับการเรียกขานว่าเป็น เวนิสตะวันออกดังนั้น การได้มีโอกาสมาเที่ยวชมเมืองเวนิสของจริง จึงอดตื่นตาตื่นใจในความงดงามและเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ ของเมืองมรดกโลกแห่งนี้ไม่ได้

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

การเเต่งการเเบบไทย



ชุดไทยเรือนต้น
เสื้อ แขน กระบอก นุ่งกับ ผ้าซิ่น ทอลาย ขวาง ใช้ได้ ในหลาย โอกาส เช่น เป็น ชุดเช้า ไว้ใส่ บาตร ไปวัด หรือ ไปงาน มงคล ต่าง ๆ
ชุดไทยเรือนต้น คือ ชุดไทยแบบลำลอง ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมมีลายริ้วตามขวางหรือตามยาว หรือใช้ผ้าเกลี้ยงมีเชิงตัวซิ่นยาวจรดข้อเท้าป้ายหน้า เสื้อใช้ผ้าสีตามริ้วหรือเชิงสีจะตัดกับซิ่นหรือเป็นสีเดียวกันก็ได้เสื้อคนละท่อนกับซิ่น แขนสามสวนกว้างพอสบาย ผ่าอก ดุมห้าเม็ด คอกลมตื้น ๆ ไม่มีขอบตั้ง เหมาะไช้แต่งไปในงานที่ไม่เป็นพิธีและต้องการความสบายเช่น ไปงานกฐินต้นหรือเที่ยวเรือ เที่ยวน้ำตก ชุดไทยจิตรลดา
เสื้อ แขน กระบอก นุ่งกับ ผ้าซิ่น ทอลาย ขวาง ใช้ได้ ในหลาย โอกาส เช่น เป็น ชุดเช้า ไว้ใส่ บาตร ไปวัด หรือ ไปงาน มงคล ต่าง ๆ
ชุดไทยจิตรลดา คือ ชุดไทยพิธีกลางวัน ใช้ผ้าไหมเกลี้ยงมีเชิงหรือ เป็นยกดอกหรือตัวก็ได้ ตัดแบบเสื้อกับซิ่น ซิ่น ยาวป้ายหน้าอย่างแบบลำลอง เสื้อแขนยาว ผ่าอก คอกลม มีขอบตั้งน้อย ๆ ใช้ในงานที่ผู้ชายแต่งแต็มยศ เช่น รับประมุขที่มาเยือนอย่างเป็นทางการที่สนามบิน ผู้แต่งไม่ต้องประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่เนื้อผ้าควรงดงามให้เหมาะสมโอกาส
ชุดไทยอมรินทร์
เสื้อ แขน ยาว คอกลม ตั้ง ติดคอ นุ่งกับ ผ้าซิ่น ไหม ยกทอง ตัดแบบ ซิ่นป้าย สำหรับ แต่งใน   งานพิธี ใช้ได้ ในหลาย โอกาส
ชุดไทยอมรินทร์ คือ ชุดพิธีตอนค่ำ ใช้ยกไหมที่มีทองแกมหรือยกทองทั้งตัว เสื้อกับซิ่นแบบนี้อนุโลมให้ สำหรับผู้ไม่ประสงค์คาดเข็มขัด ผู้มีอายุจะใช้คอกลมกว้าง ๆ ไม่มีขอบตั้งและแขนสามส่วนก็ได้ เพราะความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้า และเครื่องประดับที่จะใช้ให้เหมาะสมกับงานเลี้ยงรับรอง ไปดูละครในตอนค่ำและเฉพาะในงานพระราชพิธีสวนสนามในวันเฉลิมพระชนมพรรษาผู้แต่งชุดไทยอมริน
 ชุดไทยบรมพิมาน
เสื้อ เข้ารูป แขน กระบอก คอตั้ง ติดคอ ผ่าหลัง อาจจะ เย็บติด กับ ผ้านุ่ง ก็ได้ หรือ แยกเป็น คนละ ท่อน ก็ได้ เช่นกัน ส่วน ผ้านุ่ง ใช้ ผ้าซิ่น ไหม ยกดิ้น ทอง ตัดแบบ หน้านาง มีชายพก สำหรับ แต่งใน งาน ราชพิธี หรือ ในงาน เต็มยศ หรือ ครึ่งยศ เช่น งานฉลอง สมรส พิธีหลั่ง น้ำ พระ พุทธมนต์
ชุดไทยบรมพิมาน คือ ชุดไทยพิธีตอนค่ำที่ใช้เข็มขัดใช้ผ้าไหมยกดอกหรือยกทองมีเชิงหรือยกทั้งตัวก็ได้ ตัวเสื้อและซิ่นตัดแบบติดกัน ซิ่นมีจีบข้างหน้าและมีชายพก ใช้เข็มขัดไทยคาดตัวเสื้อแขนยาว คอกลม มีขอบตั้ง ผ่าด้านหลัง หรือด้านหน้าก็ได้ ผ้าจีบยาวจรดข้อเท้า แบบนี้เหมาะสำหรับผู้มีรูปร่างสูงบาง สำหรับใช้ในงานเต็มยศและครึ่งยศ เช่นงานอุทยานสโมสรหรืองานพระราชทานเลี้ยงอาหารอย่างเป็นทางการในคืนที่มีอากาศเย็น ใช้เครื่องประดับสวยงามตามสมควรผู้แต่งประดับเครื่องราอิสริยาภรณ์ ชุดไทยจักรพรรดิ
ผ้าซิ่น ไหม ยกดิ้น ทอง มีเชิง สีทอง ตัดแบบ หน้านาง มี ชายพก ห่มด้วย สไบ ปัก ลูกปัด สีทอง เป็นเครื่อง แต่งกาย สตรี สูงศักดิ์ สมัย โบราณ ปัจจุบัน ใช้เป็น เครื่อง แต่งกาย ชุด กลางคืน ที่ หรูหรา หรือ เจ้าสาว ใช้ใน งาน ฉลอง สมรส ยามค่ำ เครื่อง ประดับ ที่ใช้ รัดเกล้า ต่างหู สร้อยคอ สังวาลย์ สร้อยข้อมือ
ชุดไทยจักรพรรดิ คือ ชุดไทยห่มสไบคล้ายไทยจักรี แต่ว่ามีลักษณะเป็นพิธีรีตรองมากกว่า ท่อนบนมีสไบจีบรองสไบทึบ ปักเต็มยศบนสไบชั้นนอก ตกแต่งด้วยเครื่องประดับอย่างสวยงาม ใช้สวมในพระราชพิธีหรืองานพิธีต่าง ๆ ที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติ
 

ประโยคบอกรักภาษาอังกฤษ


  
I love you. ฉันรักคุณ
I really love you. ฉันรักคุณจริงๆ
I love you with all my heart. ฉันรักคุณหมดหัวใจ
I miss you. ฉันคิดถึงคุณ
I feel so lonely. ฉันเหงามาก
I’m so lonely without you. ไม่มีคุณ ฉันเหงามาก
I don’t want to be here without you.ฉันไม่อยากอยู่ที่นี้ ถ้าไม่มีคุณ
Can you be my boy / girlfriend?คุณเป็นแฟนฉันได้ไหม
I am single. ฉันเป็นโสด
I don’t have anyone in my heart. ไม่มีใคร อยู่ในหัวใจ
I want to be with you.ฉันอยากอยู่กับคุณ
I want to be with you all the time. ฉันอยากอยู่กับคุณ ตลอดเวลา
I want to be with you forever. ฉันอยากอยู่กับคุณตลอดไป
Why do you love me? ทำไมคุณถึงรักฉัน
Because you are……… เพราะว่าคุณ………..
I can’t forget you.ฉันลืมคุณไม่ได้
I dream about you all the time. ฉันฝันถึงคุณ ตลอดเวลา
I will dream about you every night. ฉันจะฝันถึงคุณ ทุกคืน
I will dream about you tonight คืนนี้ ฉันจะฝันถึงคุณ
You’re the woman of my dreams. คุณคือผู้ชายในฝัน
I want to know all about you. ฉันอยากรู้เรื่องของคุณ
This is my first love.นี่เป็นรักครั้งแรกของผม
You are very beautiful. คุณสวยมาก
You are very handsome. คุณหล่อมาก
You are very charming. คุณมีเสน่ห์มาก
You are very cute. คุณน่ารักมาก
You are very beautiful eyes.ตาของคุณสวยมาก
You have a cute nose.จมูกของคุณน่ารักมาก
I like your smile. ฉันชอบยิ้มของคุณ
I like your outfit. ฉันชอบชุดที่คุณใส่
I like looking at you. ฉันชอบมองคุณ
I want to share my life with you. ฉันอยากใช้ชีวิตกับคุณ
Love at first sight. รักแรกพบ
I’ve never met a man like you. ฉันไม่เคยเจอผู้ชายอย่างคุณ
I’ve never met a woman like you. ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างคุณ
I’ve never loved anybody like this before.ฉันไม่เคยรักใครอย่างนี้มาก่อน
I’m serious about you. ฉันจริงใจกับคุณ
I’m crazy about you.ฉันคลั่งไคล้คุณ
I love you, not your money.ฉันรักคุณ ไม่ใช่เงินของคุณ
I don’t care how much money you have. ฉันไม่สนใจหรอกว่าคุณมีเงินเท่าไหร่
I’m so happy being around you. ฉันมีความสุขที่อยู่ใกล้คุณ
Are you really serious about me?คุณจริงจังกับฉันจริงหรือเปล่า
  • Really จริงๆ
  • Yes, I’m serious and sincere. ฉันทั้งจริงจังและจริงใจ
  • I like you as a friend. ฉันชอบคุณแบบเพื่อน
  • I don’t know yet. ฉันยังไม่รู้
My heart is all yours. หัวใจของฉันเป็นของคุณ
You mean everything to me. คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน
You are my precious thing. คุณเป็นสิ่งมีค่าของฉัน
I love you only. ฉันรักคุณคนเดียว
I’m so happy being around you. ฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้คุณ
I will always love you. ฉันจะรักคุณตลอดไป
I can’t love anyone else.ฉันรักใครไม่ได้อีกแล้ว
I can’t wait to see you again. ฉันอยากจะเจอคุณเร็วๆ
I want to see you as soon as possible.ฉันอยากเจอคุณ ให้เร็วที่สุด
I don’t want to leave you. ฉันไม่อยากไปจากคุณ
You can trust me.ขอให้เชื่อใจฉัน
I will be faithful to you. ฉันจะซื่อสัตย์ต่อคุณ
I will never cheat on you.ฉันจะไม่นอกใจคุณ
I still remember the moment we met.ยังจำได้ตอนที่เราเจอกัน
I have fallen in love with youรักคุณเข้าแล้ว
I love you with all my heart.รักคุณหมดใจ
You’re mine. คุณเป็นของฉัน
It’s hard to say how I feel.ยากที่จะบอกความรู้สึก
Think about me sometimes. คิดถึงฉันบ้าง
You are my sweetheart. คุณคือสุดที่รัก ของฉัน
Don’t forget me.อย่าลืมฉัน


วิธีการเลี้ยงน้องเเมว

การรับแมวเหมียวตัวน้อยมาอยู่ในบ้านนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การดูแลให้เขามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงนั้นยากกว่าเป็นหลายเท่า คอลัมน์ Holistic Health Series ฉบับนี้จึงขอรวบรวม 10 วิธีการดูแลลูกแมวตัวน้อยมานำเสนอ เรื่องยากๆจะได้กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนรักแมวทุกคน

1. ให้อาหารที่ถูกต้อง
Feed Him Right

อาหารคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าเหมียว (และสัตว์อื่นๆ) ฉะนั้นการเลือกสรรอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมในแต่ละช่วงวัยและความต้องการพิเศษของสายพันธุ์คือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เพื่อพัฒนาการทางร่างกายจะได้เจริญเติบโตอย่างราบรื่นไม่มีติดขัด
ปัจจุบันนี้ท้องตลาดมีอาหารสำเร็จรูปนับไม่ถ้วนรอให้คุณหยิบไปให้เจ้าเหมียวตัวน้อยที่บ้าน คำแนะนำง่ายๆของเราก็คืออ่านฉลากข้างถุงให้เป็น ดูซิว่าอาหารดังกล่าวนั้นเหมาะสำหรับช่วงวัยใด สายพันธุ์ไหน ส่วนเรื่องรสชาตนั้นเจ้าเหมียวต้องเป็นฝ่ายตัดสิน
ทั้งนี้หากบ้านของคุณมีเจ้าตูบอยู่ด้วย เราขอเตือนไว้เลยว่าอาหารของสุนัขไม่เหมาะสำหรับแมว หมั่นคอยสังเกตด้วยล่ะว่าเจ้าเหมียวเข้าไปมั่วกินอาหารหรือเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็เก็บอาหารให้มิดชิด เพื่อชีวิตอันสดใสของแมวน้อย ...อย่าลืมล่ะ
2. หาสัตวแพทย์
Find a Veterinarian

แมวเด็กย่อมต้องการการดูแลจากสัตวแพทย์มากกว่าแมวโต ทั้งนี้ก็เพราะเขาจำเป็นที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การมองหาสัตวแพทย์ประจำตัวจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ต้องรอให้มีปัญหาสุขภาพก่อนค่อยพาไปคลินิกอีกต่อไป
ปัจจัยที่คุณควรใช้ในการคัดเลือกสัตวแพทย์ประจำตัวนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเอง บางท่านอาจไม่หวั่นหากต้องเดินทางไกลเพื่อพบสัตวแพทย์ที่ศึกษาด้านแมวเหมียวมาโดยเฉพาะ บางท่านก็อาจเน้นที่ความสะดวกสบายใกล้บ้านเป็นหลัก ฯลฯ คำแนะนำของเราก็คือเลือกให้ตรงใจที่สุดเท่านั้นก็พอ
3. ขนสวย = สุขภาพดี
Groom for Health

จริงอยู่ว่าน้องเหมียวเป็นสัตว์รักสะอาด พวกเขาสามารถเลียขนเพื่อทำความสะอาดตัวเองได้ตั้งแต่ยังละอ่อน แต่คุณเองก็สามารถช่วยเหลือเขาในการทำความสะอาดตัวเองได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน หมั่นช่วยเขาหวีขนบ่อยๆเพื่อกำจัดขนที่หลุดร่วง นอกจากจะช่วยเพิ่มสุขอนามัยให้เขาแล้ว ยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างกันและกันอีกทางหนึ่งอีกต่างหาก
4. ป้ายชื่อเพื่อความปลอดภัย
Tag for Safety

ว่ากันว่าแมวเหมียวนั้นมีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าน้องหมา พวกเขาสามารถออกไปเที่ยวนอกบ้านเป็นวันๆได้โดยกลับมาเฉพาะตอนหิวข้าว ในเมื่อไลฟ์สไตล์ของเขาอยู่ไม่ติดบ้าน อะไรล่ะที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเหมียวของคุณจะปลอดภัยเมื่ออยู่ภายนอก
คำแนะนำของเราก็คือปลอกคอและป้ายชื่อค่ะ ใส่ให้เจ้าเหมียวของคุณตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่ว่าเวลาออกไปนอกบ้านคนอื่นจะได้รับรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ยิ่งไปกว่านั้นควรระบุรายละเอียดให้ชัดเจนลงไปในป้ายชื่อด้วยว่าเจ้าของคือใคร เบอร์ติดต่ออะไร เผื่อฉุกเฉินจะได้ตามได้
นอกเหนือการคล้องป้ายและปลอกคอแล้ว วิธีการเพิ่มความปลอดภัยอีกอย่างก็คือพาเขาไปแนะนำตัวกับเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ เพื่อให้เขาเป็นหูเป็นตาเวลาเจ้าเหมียวของคุณออกไปป่วนนอกบ้าน จะได้ช่วยกันจับไว้ไม่ให้ไปไกลบ้านเกินไป
5. สั่งสอนตามสมควร
Teach your Kitten well

การเลี้ยงแมวเหมียวสักตัวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก การฝึกพวกเขาให้เป็นแมวที่ดีนั้นยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ทั้งนี้เพราะพฤติกรรมตามธรรมชาติของเขานั้นเป็นระเบียบอยู่แล้ว ขอแค่เวลาในการเอาใจใส่อย่างจริงจังจากคุณเท่านั้นก็เพียงพอ
โดยการฝึกที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตแมวบ้านก็คือการใช้กระบะทรายในการขับถ่าย หมั่นฝึกฝนตั้งแต่ยังเยาว์เพื่อสร้างการจดจำและนำไปสู่พฤติกรรมอันเป็นนิสัย เคล็ดลับที่เราอยากแนะนำก็คือหามุมเหมาะในการปลดทุกข์ ซื้อกระบะและทรายแมวจากร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงมาเตรียมไว้ ขั้นตอนต่อไปก็คือหมั่นจับเขาไปนั่งในกระบะเมื่อสังเกตเห็นว่าเขากำลังจะทำธุระ ทำซ้ำๆจนให้เขาก้าวเข้ากระบะไปทำธุระด้วยตนเอง เพียงเท่านี้บ้านคุณก็จะเป็นระเบียบเรียบร้อยได้อย่างง่ายๆ
6. แมวต้องฝนเล็บ
Gotta Scratch

คุณอยากให้เฟอร์นิเจอร์เป็นรอยอันเนื่องมาจากพฤติกรรมฝนเล็บตามบรรพบุรุษของแมวเหมียวหรือเปล่า ถ้าคำตอบของคุณคือไม่ล่ะก็ หาซื้ออุปกรณ์ฝนเล็บมาให้เขาอย่างด่วน เพื่อที่ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านของคุณจะปลอดภัยจากการขูดขีดด้วยกงเล็บ
การเลือกซื้อที่ฝนเล็บสักชิ้นนั้นไม่มีอะไรยาก คุณสมบัติและประโยชน์ในการใช้สอยแปรผันตามขนาดและราคา บางชิ้นคุณสามารถนำไปตั้งเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งได้เลยในบ้าน เจ้าเหมียวก็สามารถนอนได้ฝนเล็บได้ ครบคุณสมบัติในชิ้นเดียว หรือบางชิ้นก็อาจเป็นแค่ที่ฝนเล็บอย่างเดียวเท่านั้น คุณจะเลือกอะไรก็ตามแต่ความสบายใจได้เลย
7. อย่าลืมการออกกำลังกาย
Exercise, exercise

การออกกำลังกายสำคัญสำหรับทุกสิ่งมีชีวิต แมวเหมียวเองก็เช่นกัน หากเขาได้ยืดเส้นยืดสายอย่างเพียงพอ โรคภัยไข้เจ็บก็จะไม่ถามหา ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน การขับถ่ายบกพร่อง ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยส่งเสริมความเป็นมิตรให้เขาร่าเริงสดใสตลอดเวลาอีกต่างหาก
ในเมื่อการออกกำลังกายนั้นมีผลดีมากมายขนาดนี้ คุณสมควรต้องส่งเสริมให้ถึงที่สุด จัดหาพื้นที่ในการออกกำลังกายให้เขา ซื้อหาของเล่นมาเตรียมพร้อม เพียงเท่านี้อาณาจักรสุขภาพของเหมียวก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆภายในบ้านของคุณเอง
8. เตรียมตัวเผื่อฉุกเฉิน
Prep for Emergencies

เพราะเราไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าเหตุฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การเตรียมการไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่ควรละเลย อย่าลืมติดต่อสอบถามสัตวแพทย์ใกล้บ้านให้เรียบร้อยว่าสามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉินหรือไม่ หากไม่มีอย่าลืมหาคลินิกสำรองไว้ด้วย เวลาฉุกละหุกจะได้ไม่ต้องวุ่นวายอย่างไรล่ะ
9. ดูแลเขาให้ถูกต้องถูกวิธี
Treat him right

การป้องกันนั้นดีกว่าการรักษาเมื่อยามเจ็บป่วย ฉะนั้นเมื่อรับเจ้าเหมียวตัวน้อยเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด อย่าลืมพาเขาไปรับวัคซีนให้ครบตามกำหนดนัดหมาย อายุเดือนครึ่งก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม สัตวแพทย์นัดเมื่อไหร่ต้องไปห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะวัคซีนแต่ละชนิดหมายความถึงการป้องกันโรคร้ายที่หากเป็นขึ้นมาล่ะก็จะรักษาลำบาก ไม่ว่าจะเป็น โรคไข้หัดหวัดแมว โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว ฯลฯ
นอกจากการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคแล้ว การถ่ายพยาธิคือสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรละเลย อย่าลืมปรึกษาสัตวแพทย์ให้เขาจัดตารางที่เหมาะสมให้กับเจ้าเหมียวของคุณด้วยล่ะ อ๊ะๆ...เท่านี้ยังไม่หมดนะจ๊ะ อย่าลืมเรื่องการดูแลทำความสะอาดหู ตา จมูก และส่วนต่างๆของร่างกาย เพราะความสะอาดคือสิ่งที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด
10. พิจารณาเรื่องทำหมัน
Spay or Neuter Early

ข้อสุดท้ายที่เราอยากฝากก็คือการทำหมันแมวเหมียว หากคุณไม่อยากให้เขามีลูกมีหลานหรือเลี้ยงเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ล่ะก็ ตัดสินใจทำหมันไปเลยเมื่ออายุครบเกณฑ์ (ปัจจุบันนี้สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุครบ 10 สัปดาห์) ซึ่งการทำหมันนั้นจะช่วยลดปัญหาพฤติกรรมฉี่เพื่อสร้างอาณาเขตในแมวหนุ่ม รวมทั้งช่วยให้เขาไม่ต้องออกไปเสาะหาคู่ครองนอกบ้าน อันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายได้ง่ายๆ สำหรับแมวสาวนั้นการทำหมันจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านม และลดพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อถึงช่วงเวลาผสมพันธุ์
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจทำหมันหรือไม่ทำขึ้นอยู่กับคุณแต่เพียงผู้เดียวค่ะ
ทั้ง 10 ข้อ ที่เรานำเสนอไปนั้น ขอรับประกันความพอใจค่ะว่าอ่านจบ คุณสามารถเลี้ยงเจ้าเหมียวตัวน้อยของคุณให้เติบโตมาอย่างแข็งแรงสดใสแน่นอน...ฟันธง

ประโยชน์จากส้ม

ส้ม ชื่อเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา!! ผลไม้ที่ทุกคนรู้จักกันดี เพราะส้มเป็นผลไม้ที่หาซื้อรับประทานได้ง่ายและมีให้รับประทานตลอดทั้งปีความจริงแล้วส้มมีประโยน์ ทั้งลูก!!   มีประโยชน์ทั้งน้ำส้มจนเปลือกส้ม มีประโยชน์ทั้งสุขภาพและยังสามารถทำให้เราหน้าใสได้อีกด้วยลองมาดูกันว่า ส้มให้ประโยชน์กับเราได้อย่างไรบ้าง

          
เริ่มจากเนื้อส้ม เป็นยาสมุนไพรบำรุงร่างกายได้ชั้นเยี่ยมโดยที่ไม่ต้องหาให้มันยุ่งยาก เพียงแค่เรากินส้มสด 100 กรัม ก็จะมีสารเบต้าแคโรทีน ถึง 82 ไมโครกรัม และวิตามินซี 42 มิลลิกรัม ที่เพียงพอต่อร่างกายคนเราต้องการต่อวัน และสารเหล่านี้ก็ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้ด้วยคะ

        
งานวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาวิเคราะห์ประโยชน์ของส้มในการชะลอริ้วรอยแห่งวัยทำให้หน้าใส พบว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้น้อยลง แต่ส้มมีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้สุขภาพผิวดี ลบเลือนริ้วรอยแห่งวัยหน้าใส และยังช่วยสร้างกระดูกอ่อนให้แข็งแรงด้วย
       
 เบต้าแคโรทีนในผลส้ม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งทำลายเซลล์ผิวหนังอันเป็นบ่อเกิดความชรา เบต้าแคโรทีนจึงช่วยชะลอความเสื่อมทำให้ผิว เส้นผม และเล็บมีสุขภาพดี และยังช่วยให้ผนังหลอดเลือดและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงหน้าใส ช่วยลดอาการเส้นเลือดฝอยแตกตามใบหน้าและเรียวขา
       เปลือกส้มหารู้ไม่ว่าเปลือกส้มที่เราทิ้งกันมีประโยชน์นานับประการ  ถ้าการทำงานในทุกๆ วันทำให้คุณรู้สึกเครียดหรือเมื่อยล้าและอยากหาสิ่งที่ช่วยผ่อนคลาย เปลือกส้มช่วยท่านได้..โดยการนำเปลือกส้มมาคั้นหรือบีบเอาน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในเปลือกส้ม นำมาดมกลิ่นหรือใช้นวดตามร่างกาย ซึ่งน้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนและช่วยกระตุ้นระบบประสาทได้
         “
เปลือกส้มประกอบด้วย ซิตรัล ( CITRAL ) เจอรานิออล ( GERANIOL ) และ ไลนาโลออล( LINALOOL ) ส่วนเปลือก ผลที่แห้งเมื่อนำมาจุดไฟจะมีกลิ่นหอมและสามารถไล่ยุงได้ดีอีกด้วย

    “เปลือกส้ม กับ ความงามบนใบหน้าสาวๆ
เปลือกส้มมีคุณสมบัติช่วยทำให้สิวที่รังควานใบหน้าของสาว ๆ ยุบสลายได้อย่างดีทีเดียวเพียงแค่นำเปลือกส้มที่ไม่ใช้ไปล้างน้ำสะอาดบดให้ละเอียดๆ แล้วผสมกับน้ำเพียงเล็กน้อยนำไปแต้มสิว ทิ้งไว้สัก 20 -30 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น เพียงเท่านี้สิวที่ผุดอยู่บนใบหน้าก็จะค่อยๆยุบหายไป ใบหน้าของคุณก็จะกลับมาใสปิ๊งเหมือนเดิม

            นอกจากนี้การศึกษาทางการแพทย์ ของทีมวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษ พบว่าสารในเปลือกส้มมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในเปลือกส้มเขียวหวานจะมีฤทธิ์ช่วยต้านทานมะเร็งบางอย่างได้ โดยสารซาลเวสตรอล คิว 40” ในเปลือกส้มเขียว-หวาน สามารถทำลายเซลล์ มะเร็งที่มีส่วนประกอบของเอนไซม์ พี 450 ซีวายพี 1 บี 1” ลงได้ ซึ่งการค้นพบ ในครั้งนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการบำบัดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งทรวงอก ปอด ต่อมลูกหมาก และรังไข่ ได้ต่อไปในอนาคต

วิธีทำให้ผิวขาวว




1. การขัดผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว
โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ
แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง
โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อ
ให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว
 หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วย
                   ผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอน
ว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง
2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงาม
หรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อ
กระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว 
เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวัง
เรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม
3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง
แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบน
ผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้
ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น.
4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว
 ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น
มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด
ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
ให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใ
ช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง
ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้
5. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา
ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อน
จะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดด
จำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับ
ผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด
20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง
 6. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาว
ในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพ
ของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้
ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่ง
ที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน
 อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว
ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า
7. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใสง
ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้
เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว
 หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบ
เม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้
วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วย
ในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน